อ้วนแบบไหน เสี่ยงโรคร้ายมากกว่า ❓
รู้หรือยัง?
เรา อ้วนแบบไหน !?
ผู้หญิงอย่างเราทุกคนล้วนฝันที่จะมีหุ่นสวย หรือรูปร่างที่ดี เพื่อความมั่นใจในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน
แต่คงจะดีกว่า . . . หากรู้ว่า เรามีหุ่นหรือรูปร่างอยู่ในลักษณะแบบไหน?
ซึ่งนอกจากเรื่องหน้าตา ผิวพรรณ เรื่องรูปร่างนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราไม่ควรมองข้าม เรื่องนี้มีประโยชน์และสำคัญต่อตัวผู้หญิงอย่างมาก เพราะเกี่ยวข้องกับสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องของความอ้วน และช่วยให้เราได้รู้ว่ารูปร่างของเรามีจุดไหนที่เด่น และตรงจุดไหนที่บกพร่อง ซึ่งถ้าเรารู้แล้ว เราก็สามารถที่จะปรับแก้หรือปิดอำพรางส่วนที่บกพร่องของรูปร่างเราได้
ซึ่งวันนี้คุณหมอลูกหนูจะพาไปดูกันว่า รูปร่างแบบไหน เสี่ยงต่อโรคร้ายมากกว่ากันค่ะ
อ้วนแบบไหน อันตรายมากกว่ากัน
หลายคนไม่ทราบเลยว่าตัวเองนั้นมี หุ่นหรือรูปร่างแบบไหน? ดังนั้นวันนี้คุณหมอลูกหนูจึงมี Checklist ให้มาลองสังเกตกันว่า ตอนนี้เรามีหุ่นหรือรูปร่างอยู่ในลักษณะไหน และมีข้อควรรู้อะไรบ้าง ที่เราจำเป็นต้องรู้ เพื่อหาวิธีการแก้ไขให้ได้สุขภาพที่ดีและความมั่นใจกลับคืนมา
หุ่นทรงลูกแพร์
(Pear Shape Body)
รู้ได้อย่างไรว่าคุณมีหุ่นทรงลูกแพร์
สาวหุ่นลูกแพรนั้นจะมีช่วงไหล่ที่แคบแต่มีสะโพกที่กว้าง คือ คนที่มีช่วงล่างใหญ่ หากวัดเป็นตัวเลข สะโพกจะใหญ่กว่าช่วงไหล่ หรือช่วงอกประมาณร้อยละห้า ซึ่งทำให้มีไขมันสะสมที่บริเวณสะโพกเยอะทำให้ต้นขาใหญ่ และดูตัวสั้น ดูอ้วน ไม่สูงเพรียว เนื่องจากมีไขมันสะสมมากบริเวณ เอว สะโพก ต้นขา
ลักษณะสาวหุ่นลูกแพร์
ช่วงไหล่โค้งลาดลง
เอวโค้งเว้าสวยงาม
สะโพกกว้างกว่าช่วงไหล่
น้ำหนักตัวจะสะสมบริเวณต้นขา
บั้นท้ายกับต้นขากลมกลึงและเต่งตึง
ข้อดีของสาวหุ่นลูกแพร์ คือช่วงกลางลำตัวยังพอมีเอวที่คอดทำให้ดูไม่อ้วนมากนัก ทำให้ช่วงบนมีความสมดุลกับช่วงล่างที่กว้างกว่าได้
โดยการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับคนที่มีหุ่นทรงลูกแพร์ ได้แก่
การวิ่งเร็ว
การสควอท
การกระโดด
การปั่นจักรยาน
การทำท่าแพลงก์
การวิ่ง(ด้วยความเร็วคงที่)
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค
ท่าบริหารที่เน้นช่วงขา เชิงกราน
การออกกำลังกายด้วยวิธีดังกล่าว และการออกกำลังกายที่เน้นช่วงล่างของร่างกาย วันละ 30-60 นาที สำหรับคนที่มีหุ่นทรงลูกแพร์ จะสามารถเผาผลาญแคลอรีไปได้มากถึง 2 - 1,000 แคลอรี เลยทีเดียว
คนที่มีหุ่นทรงลูกแพร์ มักจะต้องปวดใจกับปัญหาไขมันชั้นใต้ผิวหนัง Subcutaneous Fat
เมื่อร่างกายได้รับไขมันเข้ามาในปริมาณมากจนไม่สามารถเผาผลาญได้ทัน
อันดับแรกไขมันก็จะเข้ามาสะสมอยู่ภายในช่องท้อง
อันดับต่อมาก็จะเป็นชั้นใต้ผิวหนัง
ซึ่งก็คือชั้นที่กำลังพูดถึง ภายในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง หรือเข้าใจง่าย ๆ คือ เซลลูไลท์ บนร่างกายนั้นเอง
ไขมันที่พบได้ที่ชั้นใต้ผิวหนัง เมื่อสะสมเป็นจำนวนมากจะทำให้พุงยื่น พุงป่อง ออกมา ความหนาของไขมันชั้นนี้ สามารถวัดได้จากเครื่องหนีบวัดไขมันหรือวัดเบื้องต้นด้วยตัวเราเองโดยใช้มือบีบหยิบขึ้นมาได้ ซึ่งไขมันชั้นใต้ผิวหนังนี่เองที่สามารถทำการ ดูดไขมัน ออกได้
หุ่นทรงแอปเปิ้ล
(Apple Shape Body)
สาวหุ่นแอปเปิ้ลนั้นมีโครงร่างขนาดใหญ่ กล่าวคือ ช่วงไหล่และสะโพกที่กว้างทำให้มีไขมันสะสมที่บริเวณต้นแขนและสะโพกเยอะ ช่วงกลางลำตัวจะใหญ่ และช่วงขากลับมีขนาดเล็กและบางที่สุดของร่างกาย ซึ่งลำตัวที่สั้นทำให้หุ่นดูอ้วนตัน เอวหนา ไม่เพรียว ไขมันมักสะสมอยู่บริเวณไหล่ แขน และลำตัวส่วนบน
ลักษณะสาวหุ่นแอปเปิ้ล
อาจมีช่วงลำตัวสั้น
ช่วงกลางลำตัวใหญ่กว่าสะโพก
สะโพกช่วงบนกว้างกว่าสะโพกช่วงล่าง
ช่วงต้นแขนและช่วงต้นขาเรียวเล็กและสั้นกว่า
ต้นขา หรือสะโพกอาจเป็นส่วนที่แคบที่สุดของร่างกาย
น้ำหนักตัวจะขึ้นบริเวณรอบเอวเป็นหลัก เมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆของร่างกาย
สะโพกกับไหล่มีความกว้างเท่ากัน ส่วนรอบเอวอาจกว้างเท่ากันหรือกว้างกว่า
การออกกำลังกายที่เหมาะกับสาวที่มีหุ่นแอปเปิ้ลแบบนี้ ควรเป็นการออกกำลังกายที่เน้น ในการบริหารกล้ามเนื้อต้นแขน และหัวไหล่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เน้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ได้แก่
การวิดพื้น
การยกเวท
การสควอท
การออกกำลังกายแบบ HIIT
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ
การออกกำลังกายแบบ Deadlift
คนที่มีหุ่นทรงแอปเปิ้ล ไม่ค่อยดูแลรูปร่างของตัวเอง มักจะมีภาวะไขในช่องท้อง หรือ Visceral Fat เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายรับสารอาหารประเภทไขมันเข้าสู่ร่างกายเป็นจำนวนมาก และร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้หมดในแต่ละวัน
พวกคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลที่ได้รับมาเกินไปก็จะเปลี่ยนรูปเป็นไขมันเช่นกัน
ไขมันที่ได้รับนั้นจะแทรกซึมเข้าไปเกาะติดอยู่ภายในอวัยวะต่าง ๆ และกล้ามเนื้อหน้าท้อง
ไขมันในช่องท้อง อันตรายกว่าที่คิด
ไขมันที่สะสมอยู่ลึกกว่าชั้นใต้ผิวหนัง และอยู่ใต้ชั้นกล้ามเนื้อหน้าท้องลงไปอีก โดยจะอยู่รอบอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับ กระเพาะอาหาร ลำไส้ หลอดเลือด เป็นต้น เมื่อสะสมเป็นเวลานานๆ ไขมันชนิดนี้ก็จะมีความแข็งตัวมากขึ้น ทำให้มีพุงยื่นออกมา และมีรอบเอวหนา ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ซึ่งไขมันในช่องท้องชั้นนี้ ไม่ สามารถดูดไขมันออกได้ หากจะทำการลดไขมันในชั้นนี้ ต้องลดน้ำหนัก คุมอาหาร และออกกำลังกาย
โรคเรื้อรังที่เกิดขึ้นแน่ หากยังปล่อยให้ตัวเองอ้วนลงพุงต่อไป
ภาวะภูมิแพ้
โรคเบาหวาน
โรคอัลไซเมอร์
ภาวะไขมันพอกตับ
โรคไขมันในเลือดสูง
โรคความดันโลหิตสูง
โรคหลอดเลือดหัวใจขาดเลือด
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
โรคหัวใจ ไขมันอุดตันในเส้นเลือด
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea)
เรา “อ้วน” หรือยังนะ?
ค่า BMI บอกได้ว่า “คุณอ้วนหรือไม่?”
BMI (Body Mass Index) หรือดัชนีมวลกาย เป็นเกณฑ์สากลที่สามารถประเมินความอ้วน หรือผอม สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป สามารถวัดได้ทั้งผู้ชาย และผู้หญิง จากสูตรคำนวณ BMI = kg/m2
สูตรคำนวณหา BMI
ดัชนีมวลกาย (BMI) = น้ำหนักตัว(กิโลกรัม) / ส่วนสูง(เมตร)2
ผอมเกินไป = BMI น้อยกว่า 18.5
น้ำหนักน้อยกว่าปกติเสี่ยงเป็นโรคได้เช่นกัน เนื่องจากการรับสารอาหารอาจไม่เพียงพอ ส่งผลให้ร่างกายอ่อยเพลียง่าย ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน และออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
น้ำหนักปกติ = BMI 18.5 - 22.9
น้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคนไทย จะมีค่า BMI อยู่ระหว่าง 18.5 ถึง 22.9 ซึ่งสามารถห่างไกลจากโรคที่เกิดจากความอ้วน และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ น้อยที่สุด
น้ำหนักเกิน = BMI 23.0 – 24.9
เป็นกลุ่มผู้ที่มีความอ้วนอยู่บ้าง ถ้าหากว่าประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ถือว่ายังมีความเสี่ยงมากกว่าคนปกติ
อ้วน (อ้วนระดับ 1) = BMI 25.0 – 29.9
คนกลุ่มนี้ถึงแม้จะยังไม่ถึงเกณฑ์ที่ถือว่าอ้วนมากๆ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้เช่นกัน ทั้งโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูง ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ควรเริ่มออกกำลังกาย และควรมีการตรวจสุขภาพประจำปี
อ้วนมาก (อ้วนระดับ 2) = BMI ตั้งแต่ 30.0 ขึ้นไป
คนกลุ่มนี้ถือว่าค่อนข้างเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วนได้มากที่สุด ควรปรับพฤติกรรมการกินอาหาร และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
“เช็คอ้วน” ด้วยเส้นรอบเอว หรือ เส้นรอบพุง
การวัดเส้นรอบเอวหรือเส้นรอบพุง สามารถวัดได้ในตำแหน่งใต้สะดือแบบขนานกับพื้นช่วงตอนเช้าก่อนกินอาหาร รัดสายวัดให้กระชับลำตัวไม่แน่นจนเกินไป และอ่านค่าในจังหวะหายใจออกพอดี
ซึ่งผู้ชายจะต้องมีค่าเส้นรอบเอวไม่เกิน 90 เซนติเมตร และผู้หญิงไม่เกิน 80 เซนติเมตร ถ้าเส้นรอบเอวใหญ่เกินกว่านี้อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ จากโรคอ้วนได้
เพราะฉะนั้น เราจึงไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักทั้งตัวหรือกังวลกับตัวเลขน้ำหนักตัวบนตราชั่ง เพื่อแลกกับการมีหุ่นสวยอีกต่อไปแล้วค่ะ แค่เปลี่ยนมาเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของความอ้วน เพียงเท่านี้การมีหุ่นสวยก็จะไม่ใช่แค่ฝันอีกต่อไป
คุณหมอลูกหนู มีตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนที่ต้องการมีหุ่นสวย สุขภาพดี แบบปลอดภัย มาแนะนำค่ะ
Signature Slim เป็นโปรแกรมการลดน้ำหนัก ที่แตกต่างจากวิธีอื่นๆ เป็นการรักษาที่ต้นเหตุของความอ้วน โดย คุณหมอลูกหนู จะออกแบบโปรแกรมให้เฉพาะบุคคล นับได้ว่าเป็นตัวช่วยให้หุ่นสวยสุขภาพดี ซึ่งรับรองถึงความปลอดภัย และผลลัพธ์ที่ลดจริง ลดเร็ว ไม่โทรม โปรแกรม Signature Slim โดยคุณหมอลูกหนูมีหน้าที่เพื่อช่วยควบคุมปริมาณอาหารที่กินในแต่ละวัน เพิ่มกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และเพิ่มสารอาหารที่จำเป็นให้กับร่างกาย แถมยังเป็นตัวช่วยในการลดความอยากอาหาร ลดไขมัน เรียกได้ว่าผอมแบบปลอดภัย และสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ
คุณหมอลูกหนู พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ตั้งแต่วิเคราะห์หาสาเหตุต้นตอของการมีภาวะน้ำหนักเกิน โดยการวิเคราะห์ปัญหาของลูกค้าแต่ละท่านอย่างตรงจุด และออกแบบการลดน้ำหนักเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูงสุด
หากใครที่สนใจอยากให้ คุณหมอลูกหนู ดูแลคุณ เพื่อให้คุณกลับมามั่นใจในรูปร่าง และมีสุขภาพดีอีกครั้ง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือนัดคิวปรึกษาคุณหมอได้เลยนะคะ
ทักแชทมาปรึกษาได้เลยค่ะ
คุณหมอลูกหนู พร้อมให้คำปรึกษา และดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ตั้งแต่วิเคราะห์หาสาเหตุต้นตอของการมีภาวะน้ำหนักเกิน โดยการวิเคราะห์ปัญหาของลูกค้าแต่ละท่านอย่างตรงจุด และออกแบบการลดน้ำหนักเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัยสูงสุด
คุณลูกค้าที่ต้องการปรึกษาคุณหมอลูกหนู เรื่องการ ดูดไขมัน ลดน้ำหนัก แบบตรงจุด และปลอดภัย สามารถส่งรูป หรือ พิมพ์ข้อความ เข้ามาปรึกษาคุณหมอลูกหนูก่อนได้เลยค่ะ คุณหมอยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำคุณลูกค้าทุกท่านค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 081-533-0444
[[ LINE ID ]] @kmbhospital (มี @ ด้วยนะคะ)
ดูดไขมันลดน้ำหนักและสัดส่วน
✅ ปลอดภัย ✅ใส่ใจทุกขั้นตอน
✅ดูแลอย่างใกล้ชิด ✅ ได้มาตรฐาน
โดย คุณหมอลูกหนู และทีมแพทย์ด้านการออกแบบรูปร่าง